วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2556

พัฒนาเซนเซอร์ติดมือถือตรวจหา E.coli

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยดังในสหรัฐฯ พัฒนาอุปกรณ์เสริมสำหรับมือถือให้สามารถตรวจหาเชื้อท้องร่วง E.coli ทั้งในอาหารและน้ำได้ โดยผสานการทำงานของหลอดแก้วขนาดเล็กที่เสริมแอนติบอดีเข้ากับ ควอนตัมดอทเพื่อตรวจหาแบคทีเรียแปลกปลอมดังกล่าวได้ 
       
       ผลงานดังกล่าวพัฒนาขึ้นโดยทีมวิจัยจากสถาบันวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์ประยุกต์เฮนรี ซามูลี (Henry Samueli School of Engineering and Applied Science) ของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในลอสแองเจลลิส (UCLA) ซึ่งพวกเขาได้พัฒนาอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานแบตเตอรีและไดโอดเปล่งแสงหรือแอลอีดี (LEDs) ที่มีราคาไม่แพงให้ตรวจหาเชื้อ อีโคไล (E. coli) ได้
       
       นักวิจัยจะกระตุ้นเชื้ออีโคไลให้ถูกตรวจจับได้บนหลอดแก้วคาพิลลารี (capillary) ซึ่งเสริมสารแอนติบอดีเพื่อช่วยในการหาเชื้อ โดย PhysOrg.com ระบุว่า นักวิจัยได้รวมหลอดแก้วคาพิลลารีดังกล่าวเข้ากับจุดระดับควอนตัมหรือควอนตัมดอท (quantum dot) ทำให้สามารถจับภาพของแบคทีเรียอีโคไลจากการเปล่งแสงของคอนตัมดอท และบันภาพได้ด้วยกล้องของโทรศัพท์มือถือ ทั้งนี้ เลนส์เสริมจะถูกใส่เข้าไประหว่างหลอดแก้วคาพิลลารีและมือถือ
       
       อุปกร์ณที่เสริมเข้าไปนี้จะทำหน้าที่เหมือนกล้องจุลทรรศน์แบบฟลูออเรสเซนต์และหาปริมาณการเปล่งแสงจากหลอดคาพิลลารีแต่ละหลอดหลังจากจับภาพอนุภาคของอีโคไลที่อยู่ในตัวอย่างได้แล้ว จากการวัดปริมาณการเปล่งแสงฟลูออเรสเซนต์แต่ละหลอดจะช่วยให้ประเมินความเข้มข้นของอีโอไลในตัวอย่างได้
       
       ทั้งนี้ เชื้ออีโคไลมีโอกาสปนเปื้อนในอาหารและน้ำดื่มได้ง่าย และส่งผลกระทบสำคัญต่อสุขภาพของประชาชน ซึ่งแม้กระทั่งในประเทศพัฒนาแล้วก็ยังได้รับผลกระทบจากเชื้อดังกล่าว ซึ่งเป็นสาเหตุให้มีผู้ป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลจำนวนมาก และมีผู้เสียชีวิตทุกปี จำนวนเชื้ออีโคไลเพียงเล็กน้อยประมาณ 10-100 อนุภาคก็สามารถทำลายเยื่อบุของลำไส้ ทำลายไตและเป็นสาเหตุของเลือดจับตัวเป็นลิ่มในสมองได้ อีกทั้งยังจู่โจมร่างกาย ทำให้เป็นอัมพาตและทำให้ระบบการหายใจล้มเหลวได้
       
       สำหรับอุปกรณ์ติดตั้งสำหรับติดตั้งบนมือถือนี้สามารถพกพาสะดวก ราคาถูก โดยตรวจหาเชื้อได้จากทั้งในน้ำและอาหาร ส่วนทีมวิจัยนั้นนำโดย ฮง อิง จู (Hongying Zhu) นักวิจัยหลังปริญญาเอกด้านวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์จากยูซีแอลเอ เอโดกัน ออซกัน (Aydogan Ozcan) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและวิศวกรรมชีวภาพ จากสถาบันนาโนซิสเตมส์แคลิฟอร์เนีย (California NanoSystems Institute) ยูซีแอลเอ และยูแซร์ ซิโคระ (Uzair Sikora) นักศึกษาวิศวกรรมไฟฟ้าจากยูซีแอลเอ


ข้อคิดเห็น
Environmental object คือ เซนเซอร์ติดมือถือเพื่อตรวจหา E.coli
Environmental data object คือ อาศัยการเปล่งแสงจากหลอด คาพิลลาลี และการจับภาพโดยผ่านเลนส์พิเศษติดกับมือถือ
Environmental metadata คือ การตรวจวัดการปนเปื้อนผ่านอุปกรณ์เซนเซอร์ที่เป็นขนาดพกพาได้ และสามารถอาศัยโทรศัพท์บันทึกภาพ
- Data capture tools  โทรศัพท์มือถือ เครื่องเซนเซอร์หลอดคาพิลลาลี 
Data analysis  ปริมาณการเปล่งแสงของหลอดคาพิลลาลี เพื่อประเมินความเข้มข้นของการปนเปื้อน E.coli
 
กาญจนา  บุญวิบูลวัฒน์  5415004  (ส้มโอ)

นักวิจัยแดนกระทิงสร้างแอพพลิเคชั่นง่ายๆในการตรวจสอบสารปนเปื้อนในน้ำดื่ม

   
นักวิจัยจากประเทศสเปนคิดค้นแอพพลิเคชั่นที่สามารถบอกปริมาณสารปนเปื้อนปรอทที่อยู่ในน้ำดื่มได้ โดยใช้วัสดุที่มีลักษณะเป็นแผ่นบาง ๆ ใส่ลงไปในน้ำดื่ม แผ่นวัสดุดังกล่าวจะเปลี่ยนสีไปตามระดับของสารปนเปื้อนปรอทที่มีอยู่ในน้ำดื่ม และส่งผลเป็นภาพถ่ายไปยังโทรศัพท์มือถือผ่านทางแอพพลิเคชั่น
   
การปนเปื้อนสารปรอทนับเป็นปัญหาสำคัญที่ขยายตัวมากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังพัฒนา ซึ่งปรอทเป็นสารพิษรุนแรงก่อให้เกิดความเสื่อมของระบบประสาท ความพิการทางสมอง โรคไต สูญเสียประสาทสัมผัสทางหูและกล้ามเนื้อตาย
   
เทคโนโลยีใหม่นี้ได้รับการออกแบบให้ตรวจจับสารปนเปื้อนปรอทที่อยู่ในน้ำดื่ม ซึ่งระบบดังกล่าวมีราคาถูกและช่วยให้เข้าถึงต้นเหตุได้อย่างรวดเร็ว
   
ด้วยการทำงานอย่างง่าย ๆ โดยการวางแผ่นวัสดุชนิดบางที่ออกแบบใหม่ลงในน้ำดื่มเป็นเวลา 5 นาที หลังจากนั้นถ้าแผ่นดังกล่าวเป็นสีแดงแสดงว่ามีสารปรอทปนเปื้อนอยู่  การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ถึงแม้ผู้ใช้จะไม่มีความรู้เรื่องสารปรอทแต่ก็สามารถรู้ได้ว่าน้ำดื่มนั้นมีสารปรอทปนเปื้อนอยู่
   
และหนึ่งในคุณสมบัติพิเศษคือ สามารถรายงานผลผ่านโทรศัพท์มือถือได้ ผ่านแอพพลิเคชั่นของสมาร์ทโฟน  เพียงแค่ใช้กล้องถ่ายรูปแผ่นวัสดุดังกล่าว และนำไปเข้าแอพพลิเคชั่นเพื่อเปรียบเทียบสีที่เกิดขึ้น
   
เทคโนโลยีนี้ถือเป็นตัวอย่างสำคัญ ที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถหลีกเลี่ยงน้ำดื่มที่ปนเปื้อนสารพิษได้ และยังช่วยให้สุขภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น หากมีการนำมาพัฒนาใช้งานกันอย่างแพร่หลายจะส่งผลดีอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยที่ในบางพื้นที่ที่ห่างไกลยังไม่สามารถเข้าถึงน้ำดื่มที่สะอาดได้แต่ด้วยเทคโนโลยีชนิดใหม่ที่ง่ายและสะดวกในการใช้งานนี้จะช่วยให้ผู้บริโภคชาวไทยหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำที่มีสารพิษปนเปื้อนได้
http://www.energysavingmedia.com/news/page.php?a=10&n=54&cno=4167


ข้อคิดเห็น
Environmental object คือ แอพพลิเคชั่นตรวจสอบการปนเปื้อนในน้ำดื่ม
Environmental data object คือ ข้อมูลจากภาพถ่ายแล้วนำไปเทียบสีในแอพพลิเคชั่น เพื่อดูผลการตรวจสอบ ว่ามีการปนเปื้อนมากน้อยเท่าใด
Environmental metadata คือ แอปพลิเคชั่น,การรายงานผลการปนเปื้อนในน้ำดื่ม
- Data capture tools  วัสดุชนิดบางที่ออกแบบมา และการถ่ายภาพผ่นแอพพลิเคชั่น
Data analysis  การเทียบสีจากภาพถ่ายวัสดุบางที่ออกแบบมา แล้วประเมินปริมาณการปนเปื้อน

กาญจนา  บุญวิบูลวัฒน์   5415004  (ส้มโอ)

อียิปต์ใช้เทคโนโลยีดาวเทียมตรวจพบปิรามิดสูญหาย 17 แห่ง สิ่งปลูกสร้างโบราณหลายพันแห่ง

อียิปต์ใช้เทคโนโลยีดาวเทียมตรวจพบปิรามิดสูญหาย 17 แห่ง สิ่งปลูกสร้างโบราณหลายพันแห่ง
                สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มนักโบราณคดีประจำมหาวิทยาลัยอลาบาม่า ในเมืองเบอร์มิงแฮม ของสหรัฐ ได้ใช้เทคโนโลยีดาวเทียม ช่วยให้กลุ่มสามารรถค้นพบ"ปิรามิดสูญหาย"จำนวน 17 แห่ง สุสานกว่า 1,000 แห่ง และสิ่งปลูกสร้างโบราณ 3,000 แห่ง โดยสถานที่เหล่านี้ได้ปรากฎขึ้นบนภาพอินฟราเรดที่ถ่ายจากกล้องดาวเทียม ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุดที่ถูกนำมาใช้ในงานโบราณคดี
                 โดยดร.ซาร่าห์ ปาร์คัก นักโบราณคดีชาวสหรัฐ และหัวหน้ากลุ่มสำรวจ กล่าวว่า กลุ่มรู้สึกตื่นเต้นมากกับการค้นพบที่เกิดขึ้น กลุ่มได้วิเคราะห์ภาพถ่ายจากดาวเทียมที่โคจรอยู่เหนือโลกราว 700 กิโลเมตร และถูกติดกล้องพิเศษมีความสามารถระบุตำแหน่งของวัตถุที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 1 เมตร บนพื้นผิวโลก โดยภาพอินฟราเรดจากกล้อง จะระบุวัตถุต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน บนผิวโลก ขณะที่สิ่งปลูกสร้างอียิปต์โบราณนั้น สามารถถูกค้นพบได้ไม่ยากจากเทคโนโลยีนี้ เนื่องจากสิ่งปลูกสร้างอียิปต์มีลักษณะพิเศษ คือสร้างด้วยอิฐดินเหนียว ซึ่งมีความหนาแน่นกว่าดินที่อยู่รอบๆ  ทำให้กล้องดาวเทียมสังเกตได้ไม่ยาก

            ดร.ซาร่าห์ กล่าวว่า เทคโนโลยีนี้ยังสามารถใช้ประโยชน์สำหรับงานโบราณคดีของกลุ่มได้อย่างมากมาย เพราะที่ผ่านมา เป็นการวิเคราะห์ภาพบนพื้นผิวโลกเท่านั้น ยังไม่ได้เจาะภาพลงไปลึกในระดับพื้นดินด้วยซ้ำ โดยในอดีตมีสิ่งปลูกสร้างหลายพันแห่งเชื่อว่าซ่อนอยู่ใต้แม่น้ำไนล์ ด้วยเทคโนโลยีนี้ ทำให้ภารกิจค้นหาโบราณวัตถุของ"อินเดียน่า โจนส์"กลายเป็นเรื่องเด็ก ๆ ไปเลย

             รายงานระบุว่า ทางการอียิปต์ยังมีจะใช้เทคโนโลยีดังกล่าว เพื่อคุ้มครองโบราณวัตถุต่างๆ  ของประเทศในอนาคตด้วย โดยภาพถ่ายจากดาวเทียมสามารถแสดงรายละเอียดของการขโมยโบราณวัตถุในสุสานต่างๆ  และทำให้ทางการสามารถแจ้งหน่วยงานตำรวจโลก ให้คอยตรวจสอบโบราณวัตถุที่อาจถูกนำมาขาย
ขอบคุณข้อมูลจาก


ข้อคิดเห็น
Environmental object คือ เทคโนโลยีดาวเทียม
Environmental data object คือ ข้อมูลจากภาพอินฟาเรด
Environmental metadata คือ แอปพลิเคชั่น,การรายงานเหตุภัยพิบัติ,คำบรรยายวิธีการเอาตัวรอดจากภัยพิบัติ
- Data capture tools  กล้องดาวเทียม มีความสามารถระบุวัตถุต่างๆ ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 1 เมตร  บนผิวโลก
Data analysis  ข้อมูลจากการวิเคราะห์ภาพถ่ายอินฟาเรด

กาญจนา   บุญวิบูลวัฒน์     5415004 (ส้มโอ)

เครื่องขอความช่วยเหลือระบุพิกัด GPS ผลงานเด็ก ม.6


ส่วนประชาสัมพันธ์ สสวท. - นักเรียน ม.6 ชูครื่องส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือระบุพิกัดจีพิเอส ผลงานชนะเลิศการแข่งขันหุ่นยนต์ สสวท.ผนวกเทคโนโลยีระบุพิกัดจากดาวเทียมร่วมกับคลื่นวิทยุ ช่วยเจ้าหน้าที่ค้นหาผู้ประสบภัยได้ในระยะ 5 กิโลเมตร
       
       วันนี้พามารู้จักกับเด็กไทยรักไอทีรุ่นใหม่ คือ นายพลกฤษณ์ สุขเฉลิม หรือ เต้ย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ ราชบุรี จังหวัดราชบุรี เจ้าของผลงาน โครงงานเครื่องส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือพร้อมพิกัด GPS” ได้รับรางวัลชนะเลิศ ประเภทประยุกต์ใช้งาน จาก โครงการ IPST ROBOT CONTEST 2010 ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เนื่องในโอกาสที่ประเทศไทยกำลังจะเป็นจ้าภาพจัดการแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ประจำปี 2554 ที่จะถึงนี้
       
       “เต้ยศึกษาเทคโนโลยีวิทยุสื่อสารอยู่แล้ว จึงพัฒนาโครงงานนี้ขึ้นจากความสนใจที่มีอยู่เดิม ประกอบกับเหตุการณ์ หรือ อุบัติเหตุต่างๆ ที่ผ่านมา เช่น เครื่องบินตกที่จังหวัดน่าน พบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ไม่สามารถหาผู้ประสบภัยเจอ กลายเป็นอุปสรรคของการเข้าช่วยเหลือ
       
       ด้วยเหตุผลดังกล่าว เต้ยจึงได้พัฒนาโครงงานนี้ขึ้นมาโดยหวังว่าจะอำนวยความสะดวกในการช่วยเหลือและกู้ภัย โดยอุปกรณ์จะส่งสัญญานขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยกู้ภัยในทันทีที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งพิกัดที่เกิดเหตุ เพื่อให้หน่วยกู้ภัยสามารถเข้าช่วยเหลือได้รวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาค้นหา และช่วยเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตของผู้ประสบภัยได้อย่างมาก ซึ่งโครงงานนี้มีอาจารย์กำธร ใช้พระคุณ เป็นคุณครูที่ปรึกษา
       
       โดยน้องเต้ยได้นำเอาเทคโนโลยีการระบุพิกัดด้วยดาวเทียม หรือ GPS มาทำงานร่วมกับเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารไร้สายด้วยคลื่นวิทยุ และการติดต่อสื่อสารผ่านดาวเทียมมาช่วยในการพัฒนาอุปกรณ์ดังกล่าว โดย การใช้การระบุพิกัดผ่านดาวเทียม และนำเอาพิกัดดังกล่าวส่งไปกับคลื่นวิทยุผ่านทางดาวเทียมไปยังสถานีฐาน หากเกิดเหตุขึ้น อุปกรณ์สามารถส่งสัญญานขอความช่วยเหลือไปพร้อมกับพิกัด GPS ไปยังสถานีฐานที่เป็นหน่วยกู้ภัย ให้รับทราบถึงเหตุดังกล่าว และตำแหน่งที่ต้องเข้าช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที
       
       ในการพัฒนาอุปกรณ์เครื่องส่งสัญญานขอความช่วยเหลือพร้อมพิกัด GPS ได้พัฒนาอุปกรณ์ใน 4 ส่วน ใหญ่ ๆ คือ GPS Module Modem ระบบควบคุมการส่งสัญญานขอความช่วยเหลือ และเครื่องส่งวิทยุ อุปกรณ์แต่ละชนิดมีหน้าที่แตกต่างกันในการทำงาน เพื่อให้อุปกรณ์ทำงานได้ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
       
       ทั้งนี้ ได้มีการทดสอบการใช้งาน โดยจำลองการค้นหาผู้ประสบภัยในพื้นที่ประมาณ 5 ตารางกิโลเมตร พบว่า สามารถที่จะทราบเหตุที่เกิดขึ้นโดยทันที และสามารถที่จะเข้าช่วยเหลือได้ในเวลาไม่นานนักหลังจากได้รับสัญญานขอความช่วยเหลือดังกล่าว เนื่องจากทราบพิกัดของผู้ขอความช่วยเหลืออย่างละเอียด อีกทั้ง จากการทดสอบอุปกรณ์เกี่ยวกับประสิทธิภาพในการส่งสัญญาน พบว่า สามารถส่งสัญญานได้ในระยะสูงสุดถึง 2,000 กิโลเมตรห่างจากสถานีฐาน โดยใช้ดาวเทียม HOPE-1 คือ สามารถรับพิกัดจากประเทสไทย (จังหวัดราชบุรี) จากหมู่เกาะตอนล่างของประเทศญี่ปุ่นได้ในระดับหนึ่ง
       
       เต้ยเริ่มหัดเขียนโปรแกรมตั้งแต่ ม.ต้น หาความรู้จาก อาจารย์ จากความรู้ต่างๆที่มีอยู่ ผมคิดว่าความรู้มีอยู่ทุกที่อยู่แล้ว จากนั้นก็หาประสบการณ์จากการแข่งขันด้านคอมพิวเตอร์มาเรื่อยๆ ผมว่าคอมพิวเตอร์เป็นอะไรที่น่าสนใจ เราสามารถใช้คอมพิวเตอร์ในการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่ออำนวยความสะดวกต่างๆในการดำรงชีวิตได้
       
       “เต้ยยังบอกอีกว่า ทุกวันนี้เด็กรุ่นใหม่อย่างเขา สนใจคอมพิวเตอร์มากขึ้น แต่เด็กบางส่วนยังใช้คอมพิวเตอร์ไม่ถูก เอาเวลาส่วนใหญ่ไปใช้กับการเล่นเกม แต่ขณะเดียวกันเด็กหลายคนก็พัฒนาได้จากการเล่นเกมเช่นกัน ดังนั้น เขาเห็นว่าจะต้องมาปรับนิสัย ปรับพฤติกรรมเด็กให้ได้ ให้ใช้คอมพิวเตอร์ในทางสร้างสรรค์มากขึ้น
       
       จากความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ ทำให้ พลกฤษณ์ หรือ เต้ยได้โควตาเข้าเรียนในคณะวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในปีการศึกษาหน้านี้ และเขายังตั้งความหวังไว้ว่าอยากเป็นอาจารย์ด้านวิศวกรรมต่อไปในอนาคต


ข้อคิดเห็น
Environmental object คือ เครื่องส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือระบุพิกัด GPS
Environmental data object คือ ข้อมูลพิกัดจุด จากเครื่อง GPS
Environmental metadata คือ การใช้การระบุจุดเกิดเหตุผ่านเครื่อง ผ่านสัญญาณดาวเทียมและคลื่นวิทยุ
- Data capture tools  คือ เครื่อง GPS ,เครื่องส่งสัญญาณวิทยุ ,ระบบควบคุมสัญญาณขอความช่วยเหลือ
Data analysis  ข้อมูลพิกัด ที่ถูกส่งมายังคอมพิวเตอร์ของสถานีฐาน
- Data storage  เครื่อง GPS และเครื่องคอมพิวเตอร์

กาญจนา    บุญวิบูลวัฒน์   5415004  (ส้มโอ)

เปิดตัวระบบรายงานจราจรใหม่ด้วยคลื่นเอฟเอ็ม 99.0 MHz

ทางเลือกใหม่สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนกับระบบรายงานสภาพการจราจรผ่านคลื่นเอฟเอ็ม 99.0 MHz ส่งตรงไปยังเครื่องรับในอุปกรณ์นำทางในรถยนต์ ซึ่งสามารถสัญญาณข้อมูลมาพร้อมกับคลื่นรายการโดยไม่รบกวนสัญญาณการฟังรายการ และผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเปิดคลื่นวิทยุเพื่อรับฟังรายการ 
      
       รศ.ดร.สรวิศ นฤปิติ เลขานุการ มูลนิธิศูนย์ข้อมูลจราจรอัจฉริยะไทย และอาจารย์สาขาวิศวกรรมขนส่งและการจราจร คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยกับทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ว่า ทางมูลนิธิฯ ได้รับข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์ (Real Time) ทั้งจากภาครัฐและเอกชน แล้วได้ให้บริการข้อมูลดังกล่าวผ่านเว็บไซต์ที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านช่องทางเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีหรือโทรศัพท์เคลื่อนที่และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้งานระบบอินเตอร์เน็ตได้
      
       ล่าสุดมูลนิธิฯ ได้เปิดอีกช่องทางการให้บริการข้อมูลจราจรแก่ประชาชนโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายผ่านคลื่นวิทยุเอฟเอ็ม อสมท. 99.0 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) เพียงแค่ติดตั้งอุปกรณ์นำทาง (nevigator) ที่มีฟังก์ชันการทำงาน RDS-TMC ซึ่งเครื่องดังกล่าวจะดักจับข้อมูลจราจรที่ส่งมาพร้อมกับคลื่นวิทยุโดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องเปิดเครื่องรับสัญญาณวิทยุเพื่อฟังรายการจากคลื่นดังกล่าว และผู้ที่ฟังรายการดังกล่าวก็ไม่รู้สึกถึงการรบกวนจากข้อมูลที่ส่งมา โดยมีสมาคมระบบขนส่งและจราจรอัจฉริยะไทยเป็นผู้ดำเนินการนำร่องในฐานะหน่วยงานรับข้อมูลระดับสอง (Tier-2) หรือผู้รับข้อมูลจากมูลนิธิในฐานะศูนย์ข้อมูลระดับแรก (Tier-1) ไปเผยแพร่แก่ประชาชน
      
       ระบบดังกล่าวสามารถรายงานสภาพการจราจรในรูปแบบเส้นสี ได้แก่ เขียว คือสภาพจราจรที่รถสามารถเคลื่อนตัวด้วยความเร็วมากกว่า 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เหลือง คือสภาพจราจรที่รถสามารถเคลื่อนตัวด้วยความเร็วระหว่าง 15-25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และ แดง คือสภาพจราจรที่รถสามารถเคลื่อนตัวด้วยความเร็วต่ำกว่า 15กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างไรก็ดี การกำหนดเส้นสีดังกล่าวเป็นเพียงการกำหนดเบื้องต้นสำหรับการจราจรในกรุงเทพฯ ซึ่งต้องอาศัยข้อมูลและการศึกษาอีกมากในการกำหนดความเร็วมาตรฐานต่อไป
      
       นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถระบุจุดหมายปลายทางเพื่อให้ระบบช่วยแนะนำเส้นทางที่ไปถึงได้เร็วที่สุด ไม่ใช่เพียงแนะนำเส้นทางที่ใกล้ที่สุดให้แก่ผู้ใช้ได้ และในอนาคต รศ.ดร.สรวิช กล่าวว่า หากมีข้อมูลการจราจรมากขึ้นระบบสามารถคำนวณได้ว่าในแต่ละการเดินทางนั้นจะใช้เวลาเดินทางเท่าไร พร้อมทั้งระบุว่าข้อมูลที่นำมาใช้ในระบบการจราจรนั้นมี 2 ประเภท คือ ข้อมูลจากกล้องซีซีทีวี (CCTV) ของภาครัฐ และข้อมูลจากอุปกรณ์พกพาหรือโพรบ (Probe) เช่น โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์จีพีเอสบนรถแท็กซี่ เป็นต้น สำหรับข้อมูลภาพนั้นจะถูกแปลงเป็นข้อมูลเส้นสี รวมถึงนำภาพอุบัติเหตุและสิ่งกีดขวางต่างๆ มาประมวลผล ส่วนข้อมูลจากอุปกร์ณพกพาจะให้รายละเอียดการจราจรในถนนสายรองและตรอก ซอก ซอยต่างๆ ซึ่งเมื่อนำข้อมูลจากทั้ง 2 ส่วนมาประมวลผลร่วมกันจะได้ข้อมูลที่แม่นยำ
      
       "ไทยกำลังเริ่มต้นขอการสนับสนุนการใช้ข้อมูลโพรบ แต่อีกส่วนที่เป็นความหวังคือโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งเรามีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือจำนวนมาก และมีจำนวนมากที่ขับรถไปพร้อมกับการใช้โทรศัพท์มือถือ และตอนนี้เรามีฟังก์ชันที่สามารถแยกได้ว่าผู้ใช้โทรศัพท์มือถือกำลังขับรถหรือเดินอยู่ข้างถนน ถ้าทำได้จะเป็นอนาคตที่ดีมากๆ และเราก็ได้รับข้อมูลดังกล่าวจากค่ายมือถือทุกค่าย" รศ.ดร.สรวิชกล่าว
      
       ทั้งนี้ ระบบดังกล่าวได้เปิดตัวพร้อมกับการเปิดตัวมูลนิธิศูนย์ข้อมูลจราจรอัจฉริยะไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 7 ก.ย.53 ณ กองบัญชาการตำรวจจราจร ถ.วิภาวดีรังสิต ซึ่ง นายนินนาท ไชยธีรภิญโย ประธานมูลนิธิศูนย์ข้อมูลจราจรอัจฉริยะไทย กล่าวว่าทางมูลนิธิมีบทบาทและหน้าที่เป็นศูนย์รวบรวมข้อมูลจราจรจากทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาคุณภาพของข้อมูลจราจรให้มีความถูกต้อง ทันสถานการณ์มากยิ่งขึ้น และสามารถนำไปเผยแพร่สู่สาธารณะเพื่อช่วยลดปัญหาจราจร ตลอดจนพัฒนาประสิทธิภาพระบบขนส่งของประเทศ
      
       "เบื้องต้นมูลนิธิจะทำหน้าที่เป็นศูนย์ข้อมูลระดับแรกโดยนำข้อูลจากแหล่งต่างๆ มาประมวลผลและวิเคราะห์สภาพจราจร จากนั้นเผยแพร่ในรูปแบบมาตรฐานของประเทศให้แก่หน่วยงานรับข้อมูลระดับที่ 2 เพื่อต่อยอดและเผยแพร่ถึงมือผู้ใช้ต่อไป และอนาคตทางมูลนิธิคาดหวังจากพัฒนาข้อมูลการจราจรให้ครอบคลุมทั่วประเทศด้วย ผู้สนใจสามารถดูสภาพการจราจรแบบ Real Time ผ่านทางเว็บไซต์ของมูลนิธิได้ที่
http://www.thaitrafficfoundation.org หรือ www.iticfoundation.org" นายนินนาทกล่าว




ข้อคิดเห็น
Environmental object คือ การรายงานผลการจราจรผ่านคลิ่นวิทยุและอิเตอร์เน็ต
Environmental data object คือ ข้อมูลจาก มูลนิธิศูนย์ข้อมูลจราจรอัจฉริยะไทย 
Environmental metadata คือ มีการให้บริการข้อมูลด้านการจารจรแบบเรียลไทม์ ผ่านหน้าเว็บที่สามารถเข้าถึงผ่านอินเตอร์เนต
Data analysis  รวบรวมข้อมูลจราจรจากทั้งภาครัฐและเอกชน

กาญจนา  บุญวิบูลวัฒน์    5415004 (ส้มโอ)

สถานีอวกาศอาจจับได้สัญญาณ “สสารมืด” เป็นครั้งแรก


อุปกรณ์ตรวจวัดความละเอียดสูงมูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านบาทที่ติดตั้งบนสถานีอวกาศ ตรวจวัดสัญญาณที่คาดว่าน่าจะเป็น สสารมืดและหากผลการวิเคราะห์ถูกต้อง ก็จะเป็นครั้งแรกที่เราตรวจจับสัญญาณของสสารลึกลับที่มีอยู่กว่า 80% ในเอกภพ (โดยที่เราไม่รู้จัก)
เครื่องตรวจวัดอัลฟาแมกเนติคสเปคโตมิเตอร์ (Alpha Magnetic Spectrometer) หรือ เอเอ็มเอส (AMS) ซึ่งประกบติดกับสถานีอวกาศนานาชาติ (International Space Station) ได้ตรวจพบรูปแบบการปะทะของปฏิสสารที่เรียกว่า โพสิตรอน” (positron) ซึ่งอาจจะเป็นผลพวงจากการชนกันระหว่างอนุภาคของสสารมืด
หากผลการวิเคราะห์ถูกต้องสเปซด็อทคอมระบุว่า นี่จะเป็นครั้งแรกที่เราสามารถบันทึกสัญญาณของสสารมืดได้ โดยผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า แม้การค้นพบครั้งนี้จะยังไม่แน่ชัด และสัญญาณที่ได้ก็อาจจะมาจากแหล่งทั่วไปในโลก แต่กระนั้นข้อมูลที่ได้ก็นับเป็นการค้นพบครั้งใหญ่
ผมว่าเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่จะพูดว่านี่คือผลทางฟิสิกส์ที่สำคัญที่สุดที่ได้จากสถานีอวกาศนานาชาติโรเบิร์ต การิสโต (Robert Garisto) นักฟิสิกส์ทฤษฎีซึ่งไม่ได้มีส่วนร่วมในโครงการเครื่องตรวจวัดเอเอ็มเอสทวีตลงทวิตเตอร์ เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2013 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการประกาศการค้นพบดังกล่าวอย่างเป็นทางการ และเขายังเป็นบรรณาธิการของวารสารฟิสิกส์ชื่อดังฟิสิคัลรีวิวเลตเตอร์ส (Physical Review Letters) ที่ได้ตีพิมพ์การค้นพบดังกล่าวด้วย
เอเอ็มเอสได้เก็บสัญญาณอนุภาครังสีคอสมิกซึ่งมีอยู่มหาศาลในอวกาศ แต่ส่วนใหญ่ถูกบรรยากาศโลกกั้นไว้ไม่ให้ตกลงมาบนโลก ในช่วง 18 เดือนแรกของการทำงาน เครื่องตรวจวัดนี้ได้ตรวจพบรังสีคอสมิกกว่า 30 พันล้านครั้งแล้ว ซึ่งรวมถึงการตรวจโพสิตรอนอีก 400,000 ครั้ง ซึ่งเพิ่มความแม่นยำเชิงสถิติได้มากกว่าการทดลองใดๆ บนโลก
ด้าน ริชาร์ด เกตสเกลล์ (Richard) นักฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยบราวน์ (Brown University) สหรัฐฯ กล่าวว่า การค้นพบครั้งนี้เป็นก้าวที่สำคัญมากๆ อย่างน้อยก็ในแง่การตรวจวัดที่มีความไวอย่างยิ่ง โดยเขาเองยังเป็นนักวิจัยบุกเบิกของห้องปฏิบัติการใต้ดินลาร์จอันเดอร์กราวน์ดซีนอน (Large Underground Xenon) ในเซาท์ดาโกตา สหรัฐฯ ที่มีเป้าหมายในการตรวจวัดอนุภาคของสสารมืดในใต้ดินโดยตรง
สสารมืดคือสสารที่มองไม่เห็น ซึ่งเชื่อว่าเป็นองค์ประกอบของสสารในเอกภพถึง 80% แต่สสารที่มีอยู่มากมายนี้ก็ตรวจวัดได้ยาก เพราะมีการทำอันตรกริยากับสสารปกติค่อนข้างต่ำ ยกเว้นกรณีเกิดจากจากแรงดึงดูดของสสารเอง และอีกคำอธิบายเกี่ยวกับสสารมืดคือสสารนี้ถูกสร้างขึ้นจากอนุภาคที่เรียกว่า วิมป์ส” (WIMPs) หรืออนุภาคที่มีอันตรกริยาระหว่างมวลต่ำ (weakly interacting massive particles)
วิมป์สนั้นอาจจะให้สัญญาณบางอย่างที่ตรวจวัดได้ เมื่ออนุภาคพุ่งชนกันและทำลายล้างกันและกัน ซึ่งเป็นเช่นนี้เพราะเชื่อว่าอนุภาควิมป์สแต่ละตัวนั้นเป็นปฏิสสารของกันและกัน  เมื่อสสารและปฏิสสารมาเจอกัน ต่างก็ทำลายล้างซึ่งกันและกัน และหากวิมป์สมาเจอกันก็จะทำลายกันจนสิ้นซากการค้นหาสัญญาณของวิมป์สก็เป็นอีกเป้าหมายสำคัญของการสร้างเครื่อง ตรวจวัดอัลฟาสเปคโตมิเตอร์ และไม่ว่าเครื่องตรวจวัดจะประสบความสำเร็จในการตรวจวัดสสารมืดหรือไม่ นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า พวกเขาก็อิ่มเอมอย่างมากแล้วกับผลเบื้องต้นของเอเอ็มเอส
ผมมั่นใจว่านี่คือการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกจากการค้นพบทาง วิทยาศาสตร์อื่นๆ อีกหลายครั้งโดยสถานีอวกาศ ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงความเข้าใจของเราต่อเอกภพชาร์ลส โบลเดน (Charles Bolden) ผู้อำนวยการองค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) แถลง
ถึงกระนั้นการทดลองนี้ก็เกือบไม่ได้ขึ้นไปทำบนอวกาศ เนื่องจากภารกิจส่งกระสวยอวกาศเพื่อนำเครื่องตรวจวัดเอเอ็มเอสขึ้นสู่วงโคจร ในครั้งแรกนั้นถูกยกเลิกไป เพราะเกิดโศกนาฏกรรมกับกระสวยอวกาศโคลัมเบีย (Columbia) และโครงการได้ถูกยืดออกไปเพื่อให้นักวิทยาศาสตร์สร้างความมั่นใจแก่นาซาใน การเพิ่มตารางบินในภารกิจสุดท้ายของกระสวยอวกาศก่อนที่ฝูงบินจะถูกปลดระวาง
สุดท้ายในเดือน พ.ค.2011 กระสวยเอนเดฟเวอร์ (Endeavour) ก็ได้นำส่งเอเอ็มเอสไปยังสถานีอวกาศ และเป็นภารกิจรองสุดท้ายก่อนปิดโครงการกระสวยอวกาศที่ยาวนานถึง 30 ปี

ผมคิดว่านี่อาจจะเป็นสาล์นถึงเราทุกคน เมื่อมองไปทางไหนก็มืดมน และเหมือนไม่มีทางออกให้เดินทาง จงจดจ้องไปยังเป้าหมายในอนาคต และก้าวไปข้างหน้าต่อไป วิลเลียม เกอร์สเตนไมเออร์ (William Gerstenmaier) ผู้จัดการโครงการสถานีอวกาศของนาซากล่าวระหว่างการแถลงข่าวของนาซา


 ข้อคิดเห็น
Environmental object คือ เครื่องตรวจวัดอัลฟาแมกเนติคสเปคโตมิเตอร์ (Alpha Magnetic Spectrometer) หรือ เอเอ็มเอส (AMS)
Environmental data object คือ สัญญาณอนุภาครังสีคอสมิก และ โพสิตรอน” (positron) 
Environmental metadata คือ การบันทึกสัญญษณอนุภาครังสี โดยพัฒนาเครื่องมือให้มีความเร็วในการบันทึกผล และเก็บเป็นสถิติจากนั้นนำมาทำการวิเคราะห์อีกครั้งหนึ่ง
- Data capture tools  รวบรวมข้อมูลเก็บไว้เป็นสถิติ
Data analysis  รวบรวมข้อมูลและทำการประมวลผล
 
กาญจนา  บุญวิบูลวัฒน์     5415004  (ส้มโอ)

หน้าจอโทรศัพท์ที่สามารถชาร์จไฟฟ้าได้เอง


นักวิจัย Yang Yang และคณะ ได้ออกแบบตัวกรองแสง (Optical filter) ที่มีคุณสมบัติเหมือนกับเซลล์แสงอาทิตย์ โดยสามารถเปลี่ยนพลังงานแสงไปเป็นพลังงานไฟฟ้าได้ ซึ่ง ตัวกรอง (filter) ดังกล่าว ทำงานคล้ายกับ Polarizer ที่อยู่ใน หน้าจอ Liquid-Crystal Display หรือ LCD แต่สามารถ นำพลังงานแสงที่สูญเสียไปร้อยละ 4 กลับมาเป็นพลังงานไฟฟ้าได้ นอกเหนือจากการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาเปลี่ยนเป็นเพลังงาน ไฟฟ้าแล้ว วัสดุดังกล่าวยังสามารถนำพลังงานแสงทั่วไปมา กลับใช้ได้เช่นเดียวกัน

ปัจจุบัน มีสัดส่วนการขายหน้าจอ LCD สำหรับใช้ผลิต อุปกรณ์ชนิดต่างๆ เช่น โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ tablet โทรทัศน์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ทั้งนี้ หน้าจอดังกล่าวมีต้นทุนใน การผลิตต่ำแต่กลับได้พลังงานประสิทธิภาพต่ำ เนื่องจาก เพียงร้อยละ 5 ของพลังงานแสงที่ผลิตได้ เพื่อนำมาสร้างเป็นภาพ

Polarizer เป็นตัวกรองแสงที่มาจากองศาต่างๆ ที่แตกต่างกัน โดยจะกรอกแสงที่เหมาะสมกับ Liquid-crystal Shutter ที่อยุ่ในหน้าจอ ซึ่ง Polarizer เป็นอุปกรณ์ที่ทำให้ เกิดการสูญเสียพลังงานมากที่สุด ในขณะที่ Photvoltaic Filter กลับสามารถเปลี่ยนพลังงานแสงที่เหลือทั้งหมดให้เป็นพลังงาน ไฟฟ้าสำหรับหน้าจอได้

นักวิจัยจาก University of California เมือง Los Angeles มลรัฐ California ในประเทศสหรัฐฯ ได้สร้างวัสดุ ขนาดเล็กและเป็นแผ่นบาง ที่นิยมใช้เป็น Light-absorbing Layer ในเซลล์แสงอาทิตย์พลาสติก ทั้งนี้ นักวิจัยได้ขัดแผ่นวัสดุดังกล่าว ด้วยผ้าเพื่อที่จะแปรงโมเลกุลโพลิเมอร์เพื่อให้กลับไปมีลักษณะ แบบเดิม ดังนั้น เมื่อจัดโครงสร้างของโมเลกุลแล้ว แผ่นฟิล์ม ดังกล่าวจะมีคุณสมบัติเหมือนกับ Polarizeing Filter ที่ปล่อยให้ แสงครึ่งหนึ่งผ่านทะลุไปได้ และจะดูดซับแสงอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือ ซึ่งนักวิจัยได้เพิ่ม Layer อีกชั้นหนึ่งเพื่อใช้ในการสร้าง เซลล์แสงอาทิตย์ และรวมถึง Charge Collector เพื่อที่จะปล่อย กระแสไฟฟ้าออกจากอุปกรณ์

ในอนาคต นักวิจัยหวังว่าจะสามารถพัฒนาวัสดุที่ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของ Photvoltaic Filer ได้ และใน ขณะนี้ นักวิจัยพยายามที่จะผลิตวัสดุดังกล่าวเพื่อจำหน่ายใน เชิงพาณิชย์อีกด้วย

ที่มา: Technology Review, December 2011


 - Environmental object คือ ตัวกรองแสง Photvoltaic Filer
 - Environmental data object คือ สามารถเปลี่ยนพลังงานแสงไปเป็นพลังงานไฟฟ้าได้
- Environmental metadata คือ ลักษณะการทำงานคล้ายกับ ระบบPolalizer บนหน้า LCD

กาญจนา  บุญวิบูลวัฒน์   5415004   (ส้มโอ)

วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

PayPal Beacon จ่ายเงินในร้านค้าโดยไม่ต้องสัมผัสมือถือแม้แต่น้อย





                         
                       PayPal ยักษ์ใหญ่บริการชำระเงินออนไลน์เปิดตัวอุปกรณ์ใหม่เพื่อการรับชำระเงินดิจิตอลในอนาคตด้วยชื่อ “Beacon” อุปกรณ์นี้เป็นระบบจ่ายเงินด้วยการแจ้งตัวตนหรือ identity ซึ่งใช้ประโยชน์จากระบบบลูทูธพลังงานต่ำหรือ Low Energy Bluetooth (LEB) ในการรับส่งข้อมูลระหว่างระบบของร้านค้า สมาร์ทโฟนของลูกค้า และอุปกรณ์รอบข้าง โดย Beacon จะสามารถตรวจสอบลูกค้าในร้านได้อัตโนมัติว่ามีใครบ้าง รวมถึงการให้ข้อเสนอสินค้าราคาพิเศษ จุดนี้ลูกค้าจะสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ตามปกติ และสามารถจ่ายเงินและรับสินค้าก่อนออกจากร้าน (เรียกรวมว่าขั้นตอนการ เช็คเอาท์ออกจากร้าน) ได้แบบเบ็ดเสร็จผ่านแอพพลิเคชันของ PayPal ไม่ต้องรูดหรือการแตะอุปกรณ์กับเครื่องอ่าน แต่ใช้เพียง ตัวตนหรือ identity แทนการใช้บัตรเครดิตหรือเงินสด  
                   Beacon มีลักษณะเป็นอุปกรณ์ขนาดจิ๋วสำหรับเสียบเข้ากับปลัคไฟ โดยสัญญาณบลูทูธที่ Beacon กระจายออกไปทั่วร้านจะทำให้ระบบของร้านค้าถูกเชื่อมเข้ากับสมาร์ทโฟนที่ติดตั้งแอพพลิเคชัน PayPal (และเปิดบลูทูธ) ของลูกค้าที่เดินเข้ามาในร้าน ลูกค้าจะสามารถ เช็คอินที่ร้านเพื่อยืนยันว่าต้องการซื้อสินค้าในร้านนี้ ซึ่งเมื่อเลือกสินค้าแล้ว ระบบจ่ายเงินที่รองรับ PayPal จะแสดงภาพและข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าบนหน้าจอพร้อมราคาสินค้าโดยอัตโนมัติ ลูกค้าจะต้องกดปุ่มเพื่อยืนยันการจ่ายเงินบนโทรศัพท์ของตัวเอง โดยการกดยืนยันนี้เองถือเป็นการจ่ายเงินด้วยตัวตนหรือ identity ของผู้ใช้ในรูปแบบหนึ่ง 
                   Beacon ของ PayPal สามารถเชื่อมต่อร้านค้าและลูกค้าได้แบบอัตโนมัตินั้นได้รับการยืนยันว่า Beacon ใช้แบตเตอรี่น้อยกว่าระบบ GPS และไม่จำเป็นต้องใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยลูกค้าจะมีสิทธิ์ปกป้องความเป็นส่วนตัวได้ด้วยการควบคุมการ เช็คอินของ Beacon ได้ว่าควรให้เกิดขึ้นเมื่อใดหรือที่ใด แอพพลิเคชันนี้จะมาพร้อมคุณสมบัติใหม่ เช่น การเปิดให้ผู้ใช้สามารถสั่งซื้อสินค้าและจ่ายเงินก่อนที่ผู้ซื้อจะเดินเข้าร้านค้า รวมถึงการชำระเงินค่าอาหารของร้านค้าแบบล่วงหน้าเพื่อความรวดเร็ว ซึ่งคาดว่าจะเป็นการปูทางสู่ระบบจ่ายเงินดิจิตอลที่มีสีสันยิ่งขึ้น
อ้างอิงจาก thumbsup. PayPal Beacon จ่ายเงินในร้านค้าโดยไม่ต้องสัมผัสมือถือแม้แต่น้อย
 [อินเทอร์เน็ต].เข้าถึงเมื่อ 19 ก.ย. 2556.เข้าถึงได้จาก http://thumbsup.in.th/category/business/
 
 ข้อคิดเห็น- Environmental object คือ การชำระเงินในระบบดิจิตอล
- Environmental data object คือ เครือข่ายบลูทูธ
 - Environmental metadata คือ แอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน
 - Data capture tools โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน หรือแทปเล็ต
 - Data analysis สัญญาณบลูทูธและการ identity


  น.ส.อรไพลิน พรหมพันธกรณ์ 5415059 (บีม) 

วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556

‘อีโค ไลท์ เทคโนโลยี’ช่วยประหยัดและรักษ์โลก - ฉลาดสุดๆ

ในยุคที่พลังงานเป็นสิ่งมีค่าและเริ่มขาดแคลนในบางช่วงเวลาเนื่องจากความต้องการใช้ทั้งในภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรมมีมากขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจส่งผลให้ความตระหนักเรื่องการประหยัดพลังงานได้มีการพูดถึงอย่างกว้างขวาง

นวัตกรรมและเทคโนโลยีได้เริ่มเข้ามามีบทบาทเป็นตัวช่วยในการประหยัดพลังงานมากขึ้น และที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในปัจจุบันก็คือ เทคโนโลยี อีโค ไลท์ (Eco Light Technology) ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมประหยัดพลังงานด้านแสงสว่างที่เริ่มแพร่หลายและมีการนำมาใช้ในภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจมากขึ้นเรื่อย ๆ

อาจารย์กชกร วรอาคม ที่ปรึกษาด้านการออกแบบและสถาปัตยกรรม กล่าวว่า ที่ผ่านมาหากพูดถึงนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม คือการจะทำอย่างไรให้ประหยัดและใช้น้อยที่สุด แต่ในปัจจุบันต้องคิดไปให้ไกลกว่านั้น ต้องคิดในเชิงระบบ การใช้ในคนที่มากกว่า 1 คน ไปจนถึงล้านคน ในฐานะนักออกแบบสามารถเขียนสเปกลงไปในแบบได้ว่าจะให้ประหยัดอย่างไรตั้งแต่ในบ้านหลังเล็ก ๆ ไปจนถึงโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถออกแบบให้ประหยัดได้ โดยนักออกแบบต้องมองในเรื่องธรรมชาติและการใช้แสงในธรรมชาติให้ได้ศักยภาพมากที่สุดก่อน หากยังไม่เพียงพอก็ต้องเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม เพราะนวัตกรรมคือการนำเทคโนโลยีมาบวกเข้ากับการออกแบบ
เทคโนโลยี อีโค ไลท์ ที่น่าสนใจในปัจจุบัน คือ หลอดประหยัดพลังงานแอลอีดี(LED) และหลอดโอแอลอีดี (OLED) ซึ่งนักออกแบบในต่างประเทศได้นำมาประยุกต์ใช้ในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมมาได้ประมาณ 5 ปีแล้ว โดยหลอดแอลอีดี ช่วยให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าลดลงได้มากตั้งแต่ 15-70% เจ้าของกิจการสามารถคืนทุนได้ในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี ส่วนหลอดโอแอลอีดี เป็นพลาสติกเรืองแสงนาโนคล้ายแผ่นฟิล์มที่มีความโปร่งใส ให้แสงสีต่าง ๆ สามารถปรับโค้งงอได้ตามรูปแบบที่ต้องการเหมาะสำหรับการตกแต่งอาคารและสถานที่ต่าง ๆ

อาจารย์กชกร กล่าวต่อว่า ในอดีตหากพูดถึงหลอดไฟก็จะนึกถึงหลอดฟลูออเรสเซนต์ จากนั้นก็มาเป็นหลอดผอม จนปัจจุบัน คือหลอดแอลอีดี ซึ่งเมื่อ 2-3 ปีก่อนการแนะนำให้เจ้าของโครงการเปลี่ยนมาใช้หลอดแอลอีดี เป็นเรื่องที่ยาก เนื่องจากมีราคาสูง แต่ปัจจุบันราคาถูกลงตามความต้องการใช้งานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเจ้าของโครงการหลาย ๆ รายเป็นผู้ระบุเองว่าต้องการใช้หลอดแอลอีดี เพราะความร้อนที่ออกมาจากหลอดน้อยมาก ลดการใช้ไฟฟ้าของเครื่องปรับอากาศ  และอายุการใช้งานยาวนานถึง 11 ปี หรือ 1 แสนชั่วโมง

“การใช้หลอดแอลอีดีนอกจากการช่วยเรื่องประหยัดพลังงานแล้ว ยังช่วยสร้างบรรยากาศในการทำงาน โดยปัจจุบันองค์กรระดับโลกอย่างกูเกิลก็หันมาให้ความสำคัญกับไลท์ติ้ง ดีไซน์มากขึ้น สำหรับในประเทศไทยก็ถือว่าอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน มีหลาย ๆ องค์กรและหลายอาคารเปลี่ยนมาใช้หลอดแอลอีดี รวมถึงอาคารก่อสร้างใหม่ ๆ อย่างศูนย์การค้าสยามสแควร์ วัน หรือเอสคิว 1 ก็ได้ออกแบบให้ใช้หลอดแอลอีดีในส่วนของแลนด์สเคป หรือทางหน่วยงานของรัฐก็มีแผนเปลี่ยนมาใช้หลอดแอลอีดี อย่างเช่น อาคารศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ หรือ ตามถนนหลวงของกรมทางหลวงก็มีนโยบายเปลี่ยนมาใช้หลอดแอลอีดีตามถนนสายต่าง ๆ ตั้งแต่สองปีที่แล้ว และในปัจจุบันโครงการและบ้านจัดสรรใหม่ ๆ ก็เริ่มมาใช้เช่นกัน ส่วนการใช้งานบ้านพักอาศัยเริ่มมีให้เห็น ซึ่งก็มีผู้ผลิตบางรายทำหลอดแอลอีดีสำหรับที่อยู่อาศัยออกมาจำหน่ายแล้ว”
สำหรับในส่วนของหลอดโอแอลอีดีปัจจุบันในประเทศไทยมีใช้เฉพาะในธุรกิจเชิงพาณิชย์และโครงการอาคารต่าง ๆ ยังไม่มีการใช้ตามที่พักอาศัย รูปทรงหลอดสามารถโค้งมนได้เหมาะกับการใช้ในงานออกแบบในสถานที่ที่มีข้อจำกัด หรือต้องการความสวยงาม หากต้องการใช้งานต้องสั่งทำจากบริษัทผู้ผลิต ยังไม่มีวางขายตามท้องตลาด และราคายังสูงอยู่ แต่ในอนาคตหากได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เชื่อว่าราคาก็จะถูกลงแน่นอน

อย่างไรก็ตามในช่วงปลายปีนี้จะมีงานแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านแสงสว่างสำหรับผู้ประกอบการที่ใหญ่ในระดับภูมิภาคและเป็นครั้งแรกในไทยในชื่อ อีโคไลท์เทค เอเชีย 2013 (EcoLightTech Asia 2013) ระหว่างวันที่ 13-15 พ.ย. 56 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนของไทย ในงานจะมีการจัดแสดงนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองการประหยัดพลังงานด้านแสงสว่างจากผู้ผลิตทั้งในและต่างประเทศ สามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ www.ecolight-tech.com
จิราวัฒน์ จารุพันธ์
JirawatJ@dailynews.co.th
อ้างอิง จิราวัฒน์ จารุพันธ์ .[ออนไลน์] .เข้าถึงเมื่อ 15 กันยายน 2556. เข้าถึงได้จาก http://www.dailynews.co.th/technology/222397
 ข้อคิดเห็น
Environmental object คือ การประหยัดพลังงานมากขึ้น 
Environmental data object คือ -
Environmental metadata คือ  หลอดประหยัดพลังงานแอลอีดี(LED) และหลอดโอแอลอีดี (OLED)
- Data capture tools  -
Data analysis  - 
นางสาวธนาภา  นิลวิเชียร 5415021 (แฟม)